เจาะลึก 3 หน้าที่สำคัญของศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) จุดกำเนิดแนวคิด ‘กินดีมีสุขทั้งคนและโลก’
30/04/2024
1962
|
การจะเข้าถึงแก่นแท้ของ ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) ที่มีส่วนช่วยในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน ชุมชน และโลกได้นั้น
ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของศาสตร์นี้ที่มีทั้งหมด 3 ประการ ได้แก่ การส่งเสริมการทำงานของรสชาติ การส่งเสริมการทำงาน
ด้านโภชนาการ และบทบาทในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อทุกหน้าที่ของศาสตร์แห่งกรดอะมิโนทำงานสอดประสานกัน จึงเกิดเป็นมิติของการ “กินดีมีสุขทั้งคนและโลก” นั่นเอง
1
หน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานของรสชาติ
นับตั้งแต่ ศ.ดร.คิคุนาเอะ อิเคดะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ค้นพบเคล็ดลับความอร่อยในรสกลมกล่อมของน้ำซุปสาหร่ายทะเลคมบุเมื่อ พ.ศ. 2451 ว่าเกิดจาก “กลูตาเมต” กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากในสาหร่ายทะเลคมบุ ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการพัฒนาศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ก็ว่าได้
ทั้งนี้ กรดอะมิโนแต่ละชนิดมีรสชาติเฉพาะตัว โดยเฉพาะ “กลูตาเมต” ที่เป็นต้นกำเนิดรสอร่อยกลมกล่อมอย่างอูมามิ หรือรสชาติพื้นฐานลำดับที่ห้า ที่ช่วยเสริมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และขมของอาหารให้อร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น
รสอูมามิ หรือรสอร่อยกลมกล่อม เป็นหัวใจสำคัญที่อายิโนะโมะโต๊ะให้ความสำคัญมานานตลอดระยะเวลากว่าศตวรรษ เพราะการได้รับประทานอาหารรสชาติอร่อยถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการปรุงอาหาร ไปจนถึงการลิ้มรสชาติอาหารในแต่ละคำอายิโนะโมะโต๊ะจึงมุ่งมั่นในการนำความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของอายิโนะโมะโต๊ะให้มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมและเข้ากับรสชาติอาหารในแต่ละท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารอย่างมีความสุข
2
หน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานด้านโภชนาการ
ไม่เฉพาะรสอร่อยกลมกล่อมเท่านั้นที่อายิโนะโมะโต๊ะใส่ใจ คุณค่าทางโภชนาการเป็นหนึ่งในความสำคัญที่ทุกผลิตภัณฑ์ของ อายิโนะโมะโต๊ะต้องมี เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้รับคุณค่าทางโภชนาการไปพร้อม ๆ กับการบริโภคอาหารที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม3
บทบาทของศาสตร์แห่งกรดอะมิโนต่อสิ่งแวดล้อม
อายิโนะโมะโต๊ะเชื่อมั่นในการผสานคุณค่าทางสังคม (Social Value) และคุณค่าทางเศรษฐกิจ (Economic Value) เข้าด้วยกัน
จึงดำเนินธุรกิจด้วยแนวทาง “อายิโนะโมะโต๊ะสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม” (The Ajinomoto Group Creating Shared Value หรือ ASV) มาโดยตลอด
ตัวอย่างการนำศาสตร์แก่งกรดอะมิโนมาใช้ในการดูแลสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ควบคู่กับการให้ความรู้ในการปรับปรุงดินและพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โรคระบาดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมันสำปะหลัง รวมถึงการสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาด ทนทาน และปราศจากโรค ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะยังมุ่งดำเนินงานด้านลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต ด้วยการนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืนสู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำให้กับพืช และใช้ผสมในอาหารสัตว์ การนำขี้เถ้าแกลบที่เป็นของเหลือจากโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมจากชีวมวลไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดิน ฯลฯ
กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะมีความเชื่อมั่นว่าทุกโครงการและกิจกรรมภายใต้ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย และการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทย อันจะนำไปสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนภายในปี 2573 ได้สำเร็จ


