Ajinomoto Thailand

ออกกําลังกายแล้วปวดหัว รู้สาเหตุและวิธีแก้ไข ป้องกันได้อย่างถูกต้อง

12/12/2025
eye
417
|

หลายคนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่กลับต้องหยุดกลางทางเพราะ "ปวดหัว" หรือ "หน้ามืด" หลังจบคลาสฟิตเนส วิ่ง หรือยกน้ำหนัก ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการเหนื่อยธรรมดาเสมอไป บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่า "มีบางอย่างผิดปกติ" การปวดหัวจากการออกกำลังกายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การเกร็งกล้ามเนื้อ การหายใจผิดจังหวะ ไปจนถึงโรคประจำตัวบางอย่างที่ซ่อนอยู่ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าอาการแบบนี้เกิดจากอะไร แบบไหนอันตราย และควรดูแลตัวเองยังไงให้กลับมาออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง

ออกกำลังกายแล้วปวดหัวคืออะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไรในร่างกาย

ออกกําลังกายแล้วปวดหัว เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนที่ออกกำลังกาย โดยเฉพาะเมื่อออกแรงหนักหรือออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อาการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในร่างกายระหว่างออกกำลังกาย เช่น การขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง การเพิ่มขึ้นของแรงดันในกะโหลกศีรษะ หรือการหลั่งสารเคมีบางอย่างที่กระตุ้นอาการปวดหัว

เมื่อคุณออกกำลังกาย ร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้น หัวใจสูบฉีดเลือดแรงขึ้น และหลอดเลือดขยายตัวเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงสมอง การเปลี่ยนแปลงนี้อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้ โดยเฉพาะในคนที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดหรือแรงดันในกะโหลกศีรษะ

อาการปวดหัวจากการออกกำลังกายมีกี่ประเภท? ต่างกันอย่างไร

  1. อาการปวดหัวแบบปฐมภูมิ (Primary Exercise Headaches)

อาการปวดหัวชนิดนี้เกิดโดยตรงจากการออกกำลังกาย โดยไม่ได้มีสาเหตุจากความผิดปกติอื่น มักมีลักษณะปวดตุบ ๆ ทั่วศีรษะหรือสองข้าง และมักเกิดขึ้นระหว่างหรือหลังการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมาก เช่น การวิ่ง ยกน้ำหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงเบ่ง อาการมักคงอยู่ประมาณ 5 นาทีถึง 48 ชั่วโมง และหายไปเองได้

  1. อาการปวดหัวแบบทุติยภูมิ (Secondary Exercise Headaches)

อาการปวดหัวประเภทนี้เป็นผลมาจากโรคหรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่มีอยู่ก่อนแล้ว การออกกำลังกายเพียงแค่กระตุ้นให้อาการแสดงออกมา อาจเกิดจากความผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดในสมองโป่งพอง (Aneurysm) หลอดเลือดสมองตีบ หรือมีก้อนเนื้องอกในสมอง อาการปวดหัวแบบทุติยภูมิมักมีความรุนแรงมากกว่า และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน ตามัว หรือชัก

สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวหรือหน้ามืดระหว่างออกกำลังกายมีอะไรบ้าง?

ออกกําลังกายแล้วปวดหัวคลื่นไส้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ

  1. ภาวะขาดน้ำ: เมื่อร่างกายขาดน้ำ ปริมาณเลือดลดลง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
  2. น้ำตาลในเลือดต่ำ: การออกกำลังกายโดยไม่ทานอาหารมาก่อนอาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ
  3. โรคไมเกรน: การออกกำลังกายอาจกระตุ้นอาการไมเกรนในผู้ที่มีความเสี่ยง
  4. ภาวะไซนัสอักเสบ: การออกกำลังกายอาจเพิ่มแรงดันในโพรงไซนัสที่อักเสบ ทำให้ปวดศีรษะ
  5. การหายใจผิดจังหวะ: การหายใจสั้น ๆ หรือกลั้นหายใจขณะออกแรงอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
  6. ความเครียดของกล้ามเนื้อ: การเกร็งกล้ามเนื้อคอและไหล่ขณะออกกำลังกาย
  7. สภาพแวดล้อม: อากาศร้อนจัด ความชื้นสูง หรือมลพิษในอากาศ
  8. ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต: เช่น ความดันโลหิตต่ำหรือสูงเกินไป

ปัจจัยเสี่ยงอะไรที่ทำให้บางคนปวดหัวง่ายกว่าปกติ?

ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการออกกําลังกายแล้วปวดหัว

  • มีประวัติไมเกรนหรือปวดหัวเรื้อรัง
  • ออกกำลังกายหนักทันที โดยไม่มีการวอร์มอัพที่เพียงพอ
  • ออกกำลังกายในพื้นที่ที่มีความสูงมาก ซึ่งออกซิเจนน้อย
  • มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
  • ใช้ยาบางประเภท เช่น ยาลดความดัน ยาขยายหลอดเลือด
  • ขาดการนอนหลับที่เพียงพอ
  • ดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนก่อนออกกำลังกาย
  • ออกกำลังกายในขณะที่ท้องว่างหรือขาดน้ำ

อาการแบบไหนที่ควรพบแพทย์โดยด่วน?

อาการออกกําลังกายแล้วปวดหัวคลื่นไส้แบบไหนที่ควรพบแพทย์โดยด่วน?

หากคุณมีอาการต่อไปนี้ร่วมกับออกกําลังกายแล้วปวดหัวคลื่นไส้ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

  • ปวดหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นฉับพลัน รู้สึกเหมือน "ฟ้าผ่า"
  • อาการปวดหัวที่แย่ลงเรื่อย ๆ ไม่ดีขึ้นแม้หยุดพัก
  • มีอาการอาเจียน โดยเฉพาะอาเจียนพุ่ง
  • มีอาการชัก สับสน หรือหมดสติ
  • มีอาการอ่อนแรงหรือชาที่แขนขาด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
  • มีความผิดปกติทางสายตา เช่น ตามัว เห็นภาพซ้อน
  • มีไข้ ร่วมกับคอแข็ง
  • มีอาการปวดหัวที่แย่ลงเมื่อไอ จาม หรือเคลื่อนไหว

จะป้องกันอาการปวดหัวและหน้ามืดจากการออกกำลังกายได้อย่างไร?

วิธีป้องกันและแก้ไขออกกําลังกายแล้วเวียนหัวคลื่นไส้ มีวิธีแก้ไข ดังนี้

  1. วอร์มอัพและคูลดาวน์อย่างเหมาะสม:

    • เริ่มด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ 5-10 นาที ก่อนเพิ่มความหนัก
    • คูลดาวน์ช้า ๆ หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ไม่หยุดทันที
  2. ดูแลการหายใจ:

    • หายใจให้ลึกและสม่ำเสมอตลอดการออกกำลังกาย
    • ไม่กลั้นหายใจขณะออกแรง โดยเฉพาะเวลายกน้ำหนัก
  3. รักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย:

    • ดื่มน้ำก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกาย
    • ในวันที่อากาศร้อน ควรดื่มมากขึ้นและอาจเสริมเกลือแร่
  4. รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม:

    • ไม่ควรออกกำลังกายขณะท้องว่าง
    • รับประทานคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนอย่างเพียงพอ
  5. เพิ่มความหนักของการออกกำลังกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป:

    • ไม่เพิ่มความหนักหรือระยะเวลาเกิน 10% ต่อสัปดาห์
    • ให้ร่างกายได้ปรับตัว ไม่หักโหม
  6. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น:

    • ลดการบริโภคแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนออกกำลังกาย
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด
  7. พักผ่อนให้เพียงพอ:

    • นอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
    • ให้ร่างกายได้พักฟื้นหลังจากออกกำลังกายหนัก
  8. ปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ:

    • หากมีอาการบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
    • ขอคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัดหรือผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์

อย่าให้อาการปวดหัว หยุดสุขภาพที่ดี ออกกําลังกายแล้วเวียนหัวคลื่นไส้ มีวิธีแก้ไข

การปวดหัวหลังออกกำลังกายอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่หาสาเหตุ อาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมองได้ในระยะยาว การฟังร่างกายคือกุญแจสำคัญ ถ้าเริ่มรู้สึกผิดปกติ อย่าฝืน ควรหยุดพัก ดื่มน้ำ และปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการบ่อยหรือรุนแรง

สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาออกกําลังกายแล้วปวดหัวคลื่นไส้เป็นประจำ การปรับเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกาย การเตรียมตัวให้พร้อม และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น การดูแลให้ถูกวิธีจะช่วยให้คุณกลับมาออกกำลังกายได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ยกน้ำหนัก หรือกิจกรรมการออกกำลังกายประเภทใดก็ตาม

Reference:

เราให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณ เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับผู้ใช้ ท่านตกลงใช้คุกกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ต่อไป ดูรายละเอียด นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ข้อตกลงและเงื่อนไขสำหรับเว็บไซต์ของเรา