Ajinomoto Thailand

HIIT คืออะไร? รู้จักการออกกำลังกายเพื่อเบิร์นไขมันสูงสุด

13/11/2025
eye
153
|

หลายคนกำลังมองหาวิธีการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาน้อย แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม HIIT คือคำตอบที่ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การออกกำลังกายรูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากในระยะเวลาสั้น
ออกกำลังกายแบบ HIIT คือ การลงทุนเวลาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนยุคใหม่ ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนในเวลาสั้น ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแรง หรือปรับปรุงสมรรถภาพหัวใจและปอด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ HIIT อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการออกกำลังกาย ประโยชน์ วิธีการฝึก จนถึงข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นออกกำลังกายแบบ HIIT ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

HIIT (High-Intensity Interval Training) คืออะไร

HIIT คือตัวย่อของ High-Intensity Interval Training ซึ่งเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่สลับระหว่างช่วงการออกแรงด้วยความเข้มข้นสูงและช่วงการพักผ่อนหรือออกแรงเบา วิธีการนี้ออกแบบมาเพื่อให้ร่างกายออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วให้เวลาฟื้นตัวก่อนที่จะเริ่มรอบใหม่

หลักการออกกำลังกายของ HIIT คืออะไร

หลักการพื้นฐานของ HIIT อยู่ที่การผลักดันร่างกายให้ทำงานในระดับ 80-95% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุดในช่วงเวลาสั้น แล้วตามด้วยการพักผ่อนหรือออกแรงเบาในระดับ 50-60% อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด การสลับไปมาระหว่างสองระดับความเข้มข้นนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายปรับตัวและพัฒนาระบบพลังงานทั้งแบบใช้ออกซิเจนและไม่ใช้ออกซิเจน ทำให้ได้ประโยชน์ครบทั้งการเผาผลาญไขมันและการเพิ่มความแข็งแรง

หลักการออกกำลังกายแบบ HIIT แตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปอย่างไร

การออกกำลังกายแบบ Steady State หรือความเข้มข้นคงที่ เช่น การวิ่งหรือปั่นจักรยานด้วยความเร็วเดิมตลอดเวลา จะใช้พลังงานจากการเผาผลาญไขมันเป็นหลัก ในขณะที่ HIIT จะใช้พลังงานจากน้ำตาลในกล้ามเนื้อ (glycogen) ในช่วงความเข้มข้นสูง ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการสร้าง glycogen กลับคืนหลังออกกำลังกาย การออกกำลังกายแบบปกติอาจใช้เวลา 45-60 นาที แต่ HIIT ให้ผลลัพธ์ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าในเวลาเพียง 15-30 นาที

การเผาผลาญแบบ Afterburn Effect คืออะไร

Afterburn Effect หรือ EPOC (Excess Post-Exercise Oxygen Consumption) เป็นจุดเด่นที่สำคัญของ HIIT หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ร่างกายจะยังคงเผาผลาญแคลอรี่ด้วยอัตราที่สูงกว่าปกติเป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง เพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เติมออกซิเจนในเลือด และคืนระดับฮอร์โมนให้เป็นปกติ การเผาผลาญเพิ่มเติมนี้อาจมีมากถึง 6-15% ของแคลอรี่ที่เผาผลาญระหว่างออกกำลังกาย ทำให้ HIIT มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักมากกว่าการออกกำลังกายแบบ Steady State

รูปแบบการออกกำลังกายแบบ HIIT มีอะไรบ้าง

รูปแบบการออกกำลังกายแบบ HIIT
การแบ่งระดับของ HIIT workout คือ สิ่งสำคัญเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล การเริ่มต้นในระดับที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บและสร้างความมั่นใจในการออกกำลังกาย

1. HIIT สำหรับผู้เริ่มต้น

ควรมีอัตราส่วนของการออกกำลังกายต่อการพัก 1:2 หรือ 1:3 เช่น ออกกำลังกายหนัก ๆ 20 วินาที พัก 40-60 วินาที รวมเวลาทั้งหมด 10-15 นาที ได้แก่ การเดินเร็ว การก้าวขึ้นลงบันได การยืดแขนขา หรือการทำ Modified Burpees  (เป็นการออกกำลังกายแบบ Full-body Exercise ที่ผสมการเคลื่อนไหวหลายท่าไว้ในท่าเดียว) ควรเริ่มสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อร่างกายปรับตัวแล้ว การวอร์มร่างกายก่อนและ Cool down หลังการออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

2. HIIT สำหรับผู้มีประสบการณ์

สามารถเพิ่มความเข้มข้นเป็น 85-95% ของความสามารถสูงสุด อัตราส่วนการออกกำลังกายต่อการพักอาจเป็น 1:1 หรือ 2:1 เช่น ออกกำลังกายหนัก ๆ 30-45 วินาที พัก 15-30 วินาที ระยะเวลารวม 20-30 นาที เช่น Sprint intervals, Plyometric exercises, หรือการผสมผสาน Weight training กับ Cardio สามารถทำได้ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการฟื้นตัว เพื่อป้องกัน Overtraining หรือการฝึกซ้อมที่หนักเกินไป

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบ HIIT มีอะไรบ้าง

ออกกำลังกายแบบ HIIT คือการลงทุนเวลาและพลังงานที่คุ้มค่าที่สุด เพราะให้ประโยชน์มากมายที่เห็นผลได้เร็วและยั่งยืน

● การเผาผลาญแคลอรี่สูง

เป็นประโยชน์หลักที่โดดเด่น HIIT สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบ Steady State ถึง 25-30% ในช่วงเวลาเดียวกัน และยังมี Afterburn Effect ที่ช่วยเผาผลาญต่อเนื่องหลังออกกำลังกาย ทำให้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดน้ำหนักและลดไขมัน

● การปรับปรุงสมรรถภาพหัวใจและปอด

เป็นอีกประโยชน์สำคัญ HIIT ช่วยเพิ่มปริมาตรการสูบฉีดของหัวใจ (Stroke Volume) และปรับปรุง VO2 max ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการใช้ออกซิเจน การปรับปรุงเหล่านี้จะเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ของการฝึก

● การประหยัดเวลา

เป็นข้อดีที่สำคัญสำหรับคนยุคใหม่ การออกกำลังกาย HIIT เพียง 15-20 นาที สามารถให้ประโยชน์เทียบเท่ากับการออกกำลังกายแบบปกติ 45-60 นาที ทำให้สามารถบริหารเวลาได้ดีขึ้นและเกิดความสม่ำเสมอในการออกกำลังกาย

● การเพิ่มความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ

ก็เป็นผลที่ได้รับ แม้ว่า HIIT จะเน้น Cardio แต่การออกแรงสูงยังช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในกล้ามเนื้อ Fast-twitch fibers ที่รับผิดชอบต่อการออกแรงสูงและความเร็ว

ท่าออกกำลังกายแบบ HIIT ยอดนิยมมีอะไรบ้าง

การเลือกท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมจะทำให้ HIIT มีประสิทธิภาพและสนุกสนานมากขึ้น ท่าต่าง ๆ มีระดับความยากและเหมาะสมกับผู้ฝึกที่แตกต่างกัน

● HIIT ด้วยการวิ่ง

ได้แก่ Sprint intervals ที่วิ่งเต็มที่ 30 วินาที แล้วเดินหรือวิ่งเบา 90 วินาที ทำ 6-8 รอบ สำหรับผู้เริ่มต้นอาจเริ่มจาก Hill walking ที่เดินเร็วขึ้นเนินเขา 20 วินาที แล้วเดินลงเนินช้า ๆ 40 วินาที การวิ่ง Fartlek ที่สลับความเร็วตามสัญญาณธรรมชาติ เช่น วิ่งเร็วระหว่างเสาไฟ 2 ต้น แล้ววิ่งช้าในเสาต้นถัดไป ข้อดีของการวิ่ง HIIT คือสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ต้องอุปกรณ์พิเศษ และสามารถปรับความยากได้อย่างอิสระ

● ท่าออกกำลังกายใช้น้ำหนักตัว (Burpees, Jumping Jacks, Squats, Push-ups)

สามารถทำได้ที่บ้านและไม่ต้องใช้อุปกรณ์ โดย Burpees เป็นท่าที่มีความท้าทายเนื่องจากเป็นการออกกำลังกายแบบ Full-body Exercise  เป็นท่าที่ใช้ทุกส่วนของร่างกาย สามารถเผาผลาญพลังงานได้สูงการผสมผสานท่าเหล่านี้ใน Circuit แบบ 45 วินาทีทำ 15 วินาทีพัก จะให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแบบ HIIT มีอะไรบ้าง

แม้ว่า HIIT จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อควรระวังที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

● ผู้ที่ไม่ควรทำ HIIT

ผู้ที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ หรือมีประวัติหัวใจวาย ไม่ควรทำ HIIT โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาข้อต่อ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม ข้อไหล่อักเสบ หรือปัญหาหลัง หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 และ 3 ควรหลีกเลี่ยง HIIT เพราะอาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปที่ทารกและเพิ่มความเสี่ยงต่อการล้ม และผู้ที่เพิ่งผ่าตัดหรือมีการบาดเจ็บใหม่ ๆ ควรพักผ่อนให้หายสนิทก่อนจึงจะเริ่ม HIIT

● เทคนิคการเริ่มต้นให้ปลอดภัย

การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่ม HIIT เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปีหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ 
การประเมินสมรรถภาพพื้นฐานจะช่วยกำหนดความเข้มข้นที่เหมาะสม การเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำและเพิ่มขึ้นทีละน้อยจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวอย่างปลอดภัย ควรเริ่มจาก 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และให้มีวันพักระหว่าง Session 
การฟังร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ หากรู้สึกเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก วิงเวียนศีรษะ หรือปวดข้อต่อผิดปกติ ควรหยุดออกกำลังกายทันทีและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 

ควรเตรียมตัวและดูแลโภชนาการอย่างไร สำหรับการออกกำลังกาย HIIT

การเตรียมตัวและโภชนาการสำหรับการออกกำลังกาย HIIT
● การเตรียมตัวที่ดีและการดูแลโภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ HIIT และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ การเตรียมตัวครอบคลุมทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย
● การวอร์มร่างกายและคูลดาวน์ ควรใช้เวลา 5-10 นาทีในการวอร์มด้วยการเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น การเดินเร็ว การหมุนข้อต่อ การยืดกล้ามเนื้อแบบไดนามิก เช่น การเหวี่ยงแขน การยกเข่าสูง การเตะก้น Dynamic stretching จะช่วยเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวและอุณหภูมิกล้ามเนื้อ  
● อาหารและการดื่มน้ำ ควรรับประทานก่อนออกกำลังกาย 1-2 ชั่วโมง เช่น กล้วย ขนมปังโฮลเกรน หรือ Oatmeal หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงหรือเส้นใยมากเพราะจะย่อยช้าและอาจทำให้รู้สึกแน่นท้อง การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญ ควรดื่มน้ำ 500 มล. ประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย และอีก 200-300 มล. ประมาณ 15-20 นาทีก่อนเริ่ม ระหว่างการออกกำลังกาย หากเวลานานเกิน 30 นาที ควรดื่มน้ำเล็กน้อยในช่วงพัก หลังเสร็จสิ้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อชดเชยการสูญเสียจากเหงื่อ การรับประทานโปรตีนภายใน 30 นาทีหลังออกกำลังกาย จะช่วยในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ
● การพักผ่อนและการนอนหลับ ควรมีช่วงพัก 24-48 ชั่วโมงระหว่าง HIIT session เพื่อให้กล้ามเนื้อซ่อมแซมตัวเองและสร้างพลังงานสำรอง การนอนหลับที่มีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนจะช่วยในการฟื้นตัวและการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต ซึ่งสำคัญต่อการสร้างกล้ามเนื้อ  

เปรียบเทียบ HIIT กับการออกกำลังกายอื่น

ปัจจัย

HIIT

การวิ่งปกติ

Weight Training

โยคะ

ระยะเวลา

15-30 นาที

45-60 นาที

45-75 นาที

45-90 นาที

การเผาผลาญแคลอรี่

สูงมาก (รวม Afterburn)

ปานกลาง

ปานกลาง

ต่ำ

การสร้างกล้ามเนื้อ

ปานกลาง

ต่ำ

สูงมาก

ต่ำ

สุขภาพหัวใจ

สูงมาก

สูง

ปานกลาง

ต่ำ

ความยืดหยุ่น

ต่ำ

ต่ำ

ต่ำ

สูงมาก

ความสะดวก

สูง (ไม่ต้องอุปกรณ์)

ปานกลาง

ต่ำ (ต้องอุปกรณ์)

สูง

ความเข้มข้น

สูงมาก

ปานกลาง

สูง

ต่ำ

เหมาะกับมือใหม่

ปานกลาง

สูง

ปานกลาง

สูงมาก

ความเสี่ยงบาดเจ็บ

ปานกลาง-สูง

ต่ำ-ปานกลาง

ปานกลาง

ต่ำมาก

ผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็ว

สูงมาก

ปานกลาง

สูง

ปานกลาง

HIIT คือ การปฏิวัติในโลกของการออกกำลังกาย


HIIT คือการปฏิวัติในโลกของการออกกำลังกาย ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในเวลาสั้น การที่เราได้รู้จักว่า HIIT workout คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร จะช่วยให้เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้น HIIT ต้องทำอย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นที่เหมาะสม และให้ความสำคัญกับการวอร์ม การพักผ่อน และโภชนาการ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

Reference:
-    https://nutrilite.co.th/th/article/what-is-hiit 
-    https://www.fitmesport.com/hiit-workout/ 
-    https://primocare.com/hiit-ทางเลือกของคนมีเวลาน้/ 
-    https://www.ofm.co.th/blog/hiit-workout 
-    https://www.pobpad.com/hiit-สูตรออกกำลังกายลดไขมั 

เราให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณ เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับผู้ใช้ ท่านตกลงใช้คุกกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ต่อไป ดูรายละเอียด นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ข้อตกลงและเงื่อนไขสำหรับเว็บไซต์ของเรา