ทำความรู้จักวิ่งเทรล การวิ่งท่ามกลางธรรมชาติที่ท้าทายทั้งกายและใจ
Trail Running คืออะไร?
Trail Running หรือวิ่งเทรล คือการวิ่งบนเส้นทางธรรมชาติที่ไม่ใช่ถนนลาดยาง ไม่ว่าจะเป็นทางดิน เส้นทางในป่า ภูเขา หรือพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งแตกต่างจากการวิ่งในเมืองอย่างสิ้นเชิง การวิ่งเทรลท้าทายผู้วิ่งด้วยพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ความชัน และอุปสรรคตามธรรมชาติ เช่น รากไม้ ก้อนหิน หรือลำธาร
ประวัติของการวิ่งเทรลเริ่มต้นจากมนุษย์ยุคโบราณที่ต้องวิ่งในป่าเพื่อล่าสัตว์ แต่ในรูปแบบกีฬาสมัยใหม่นั้น เริ่มได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษ 1990 โดยเฉพาะในแถบเทือกเขาแอลป์ของยุโรปและเทือกเขาร็อกกี้ในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน วิ่งเทรล กลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยที่มีภูมิประเทศเหมาะสมกับกิจกรรมนี้
ความแตกต่างหลักระหว่างวิ่งเทรลกับการวิ่งบนถนนคืออะไร
- พื้นผิวที่หลากหลาย: แทนที่จะเป็นพื้นผิวเรียบ ผู้วิ่งต้องปรับตัวกับดิน หิน ทราย โคลน หรือแม้กระทั่งหิมะ
- ความชัน: เส้นทางวิ่งเทรลมักมีทั้งทางขึ้นและลงที่ชัน ท้าทายทั้งกำลังขาและการทรงตัว
- ระยะทาง vs. เวลา: ในการวิ่งเทรล นักวิ่งมักคำนึงถึงเวลาที่ใช้มากกว่าระยะทาง เนื่องจากสภาพเส้นทางที่แตกต่างกัน
- การเชื่อมต่อกับธรรมชาติ: นอกเหนือจากการออกกำลังกาย วิ่งเทรลยังให้โอกาสผู้วิ่งได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ประเภทของ Trail Running มีอะไรบ้าง?
Easy Trail / Beginner Trail
ลักษณะ: เส้นทางค่อนข้างราบเรียบ มีความชันน้อย พื้นผิวเรียบและมีสิ่งกีดขวางน้อย มักเป็นเส้นทางดินกว้างหรือเส้นทางในสวนสาธารณะที่มีพื้นที่ธรรมชาติ
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นวิ่งเทรลที่ต้องการเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ครอบครัวที่มาวิ่งร่วมกัน รวมถึงผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรงและต้องการสัมผัสธรรมชาติ ผู้ที่ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บและกำลังกลับมาออกกำลังกาย หรือแม้แต่นักวิ่งเทรลที่มีประสบการณ์ที่ต้องการวิ่งเพื่อผ่อนคลาย
Moderate Trail / Intermediate Trail
ลักษณะ: มีความชันปานกลาง มีอุปสรรคตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น เช่น รากไม้ ก้อนหิน ทางแคบ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวบ่อยครั้ง
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับนักวิ่งที่มีประสบการณ์วิ่งเทรลพื้นฐานมาแล้ว นักวิ่งที่มีความแข็งแรงของขาและแกนกลางที่ดี รวมถึงผู้ที่ต้องการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันเทรลในระยะกลาง
Technical Trail / Advanced Trail
ลักษณะ: มีความชันสูง พื้นผิวที่ท้าทาย มีอุปสรรคมากมาย เช่น ก้อนหินขนาดใหญ่ ทางชันสูงชัน การข้ามลำธาร และอาจต้องใช้มือช่วยในการปีนป่ายในบางช่วง
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับนักวิ่งเทรลที่มีประสบการณ์สูง สามารถรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันในป่าเขา รวมถึงผู้ที่มีประสบการณ์การนำทางและทักษะการเอาตัวรอดในธรรมชาติ
Ultra Trail
ลักษณะ: ครอบคลุมระยะทางที่ยาวมาก (มากกว่า 42 กิโลเมตร) มักรวมเอาทุกประเภทของเทรลเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงเทคนิคสูง
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับนักวิ่งเทรลที่มีประสบการณ์สูงมากและผ่านการวิ่งเทรลระยะกลางถึงยาวมาแล้ว ผู้ที่มีความอดทนทางกายและใจที่เป็นเลิศ สามารถบริหารจัดการร่างกาย อาหาร และพลังงานในการวิ่งต่อเนื่องเป็นเวลานาน (10-30+ ชั่วโมง)
ประโยชน์ของการวิ่ง Trail Running คืออะไร?
- ฝึกสมรรถภาพและความแข็งแรงครบทุกด้าน การวิ่งเทรลพัฒนาทั้งความทนทานของระบบหัวใจปอดและกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย
- ลดผลกระทบต่อข้อต่อ พื้นผิวธรรมชาติของการวิ่งเทรลนุ่มกว่าพื้นคอนกรีตหรือยางมะตอย ช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งผลต่อข้อต่อต่างๆ
- ผ่อนคลายจิตใจและลดความเครียด การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมีผลดีต่อสุขภาพจิต ช่วยลดฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) และปรับสมดุลของวงจรการนอนหลับ
- ชุมชนและมิตรภาพ การวิ่งเทรลมักมาพร้อมกับชุมชนที่อบอุ่นและเป็นมิตร ทำให้เกิดมิตรภาพใหม่ๆ
อุปกรณ์จำเป็นสำหรับ Trail Running มีอะไรบ้าง?
1. รองเท้าเทรล (Trail Running Shoes)

รองเท้าเทรลเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับการวิ่งเทรล เพราะรองเท้าวิ่งเทรลมีความแตกต่างจากรองเท้าวิ่งปกติ ที่พื้นรองเท้ามีดอกยางที่หนาและลึกกว่า เพื่อให้ยึดเกาะได้ดีบนพื้นผิวที่ลื่นหรือไม่เรียบ
2. เสื้อผ้าและถุงเท้า (Trail Running Apparel and Socks)

เสื้อผ้าสำหรับการวิ่งเทรลควรมีคุณสมบัติระบายความชื้น ทนทาน เนื่องจากอาจมีการสัมผัสกับกิ่งไม้หรือพุ่มไม้ เสื้อผ้าควรทนต่อการฉีกขาด ป้องกันแสง UV และควรเลือกถุงเท้าที่ออกแบบเฉพาะสำหรับวิ่งเทรล ซึ่งถุงเท้าจะหนากว่าและมีการรองรับที่ดีกว่า
3. กระเป๋าเป้หรือเข็มขัดใส่ของ (Hydration Pack/Running Vest)

สำหรับเส้นทางการวิ่งเทรลที่ยาวกว่า 10 กิโลเมตร การพกน้ำและอาหารเป็นสิ่งจำเป็น ควรเลือกกระเป๋าเป้น้ำ (Hydration Pack) ที่มีถุงน้ำ (Bladder) ในตัว พร้อมท่อดูดที่เข้าถึงได้ง่าย เสื้อกั๊กน้ำ (Running Vest) ที่น้ำหนักเบากว่า มีช่องสำหรับขวดน้ำและอุปกรณ์ต่างๆ และเข็มขัดวิ่ง (Running Belt) ที่สามารถใส่ขวดน้ำขนาดเล็ก เจล และโทรศัพท์ได้
4. อุปกรณ์เสริมอื่นๆ

เช่น ไฟคาดศีรษะ GPS นาฬิกาวิ่งที่มีระบบนำทาง หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ชุดปฐมพยาบาลขนาดเล็กสำหรับเส้นทางที่ห่างไกล แว่นกันแดด/หมวก นกหวีด เป็นต้น
เทคนิคการวิ่ง Trail Running ที่ควรรู้มีอะไรบ้าง?
- เทคนิคการวิ่งขึ้นเขา (Uphill) การวิ่งเทรลขึ้นเขาเป็นความท้าทายที่ยากที่สุด มีเทคนิคที่ช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยย่อก้าวให้สั้นลง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่ให้โน้มจากข้อเท้าไม่ใช่เอว เพื่อรักษาการทำงานของกล้ามเนื้อแกนกลาง
- เทคนิคการวิ่งลงเขา (Downhill) การวิ่งเทรลลงเขาอาจดูง่าย แต่สามารถเป็นอันตรายและทำลายกล้ามเนื้อได้มากที่สุด ให้ผ่อนคลายและปล่อยให้ไหลไปตามแรงโน้มถ่วง ย่อเข่าเล็กน้อย ก้าวสั้นและรวดเร็ว สแกนเส้นทางล่วงหน้า 3-4 ก้าวเสมอ ไม่ใช่มองที่เท้า
- เทคนิคการก้าวข้ามอุปสรรค เส้นทางวิ่งเทรลเต็มไปด้วยอุปสรรคธรรมชาติ การเรียนรู้วิธีจัดการกับสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ ยกเท้าให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย และเตรียมพร้อมสำหรับการวางเท้าที่ไม่สมบูรณ์ โฟกัสที่เส้นทางเป็นหลัก
- การจัดการพลังงานและจังหวะ (Pacing) การวิ่งเทรลต้องการกลยุทธ์ การจัดการพลังงานที่แตกต่าง โดยเริ่มช้าๆ ใช้ความรู้สึกของความพยายาม (RPE) แทนการดูอัตราการวิ่ง เดินทางขึ้น วิ่งทางราบ ควบคุมทางลง
มือใหม่เริ่มวิ่งเทรลควรเตรียมตัวอย่างไร?
1. สร้างพื้นฐานการวิ่ง
ก่อนที่จะเริ่มต้นวิ่งเทรล ควรมีพื้นฐานการวิ่งที่ดี
- สร้างความทนทาน: ควรสามารถวิ่งบนถนนได้อย่างสบายๆ 5-10 กิโลเมตรก่อนเริ่มลองเทรล
- เสริมสร้างความแข็งแรง: ทำการฝึกความแข็งแรงของขา แกนกลางลำตัว และข้อเท้า
- การเตรียมร่างกาย: ฝึกการทรงตัวด้วยการยืนขาเดียว การเดินบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ
- ความยืดหยุ่น: เพิ่มการยืดเหยียดโดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง ต้นขาด้านหลัง และสะโพก
2. เรียนรู้เส้นทางและสิ่งแวดล้อม
การเตรียมตัวด้านความรู้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความปลอดภัย
- ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า: ดูแผนที่ ตรวจสอบความสูง และอ่านรีวิวจากนักวิ่งคนอื่นๆ
- สภาพอากาศ: ตรวจสอบพยากรณ์อากาศอย่างละเอียดก่อนออกไปวิ่ง
- เวลา: คำนวณเวลาที่คาดว่าจะใช้โดยให้เผื่อเวลาเพิ่ม 30-50% จากเวลาที่ใช้วิ่งระยะทางเท่ากันบนถนน
- จุดอ้างอิง: จำจุดสังเกตสำคัญระหว่างทาง จุดแยก หรือจุดที่อาจสับสนได้
3. ฝึกทักษะเฉพาะของเทรล
เริ่มฝึกทักษะเฉพาะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายของการวิ่งเทรล
- การฝึกบนพื้นที่ไม่เรียบ: เริ่มด้วยการเดินหรือวิ่งบนหญ้า ทราย หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบอื่นๆ
- การฝึกขึ้น-ลงบันได: ช่วยเตรียมกล้ามเนื้อสำหรับการวิ่งขึ้นและลงเขา
- การฝึกวิ่งลงเขา: กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเบรคขณะวิ่งลงเขาต้องได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ
- การทรงตัว: ฝึกยืนขาเดียว เดินบนรั้ว หรือใช้อุปกรณ์บาลานซ์
4. โปรแกรมฝึกซ้อมสำหรับมือใหม่
สำหรับผู้เริ่มต้น ควรมีโปรแกรมฝึกที่ค่อยเป็นค่อยไป เช่น สัปดาห์ที่ 1-2 เน้นฝึกความแข็งแรง (เน้นขาและแกนกลาง) และการทำความคุ้นเคยกับพื้นผิวที่แตกต่าง, สัปดาห์ที่ 3-4 ฝึกความแข็งแรงเฉพาะเจาะจงมากขึ้น, สัปดาห์ที่ 5-6 เพิ่มความท้าทายด้านเทคนิค เช่น เส้นทางที่มีรากไม้ ก้อนหิน และสัปดาห์ที่ 7-8 ลองวิ่งเทรลระยะ 5-10 กิโลเมตรอย่างเต็มรูปแบบ
ข้อควรระวังและความปลอดภัยในการวิ่ง Trail Running คืออะไร?
1. การบาดเจ็บที่พบบ่อยและการป้องกัน
การวิ่งเทรลมาพร้อมกับความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่แตกต่าง
- ข้อเท้าแพลง: ป้องกันด้วยการฝึกความแข็งแรงของข้อเท้า และการใช้รองเท้าที่มีการรองรับที่ดี
- การบาดเจ็บจากความล้าของกล้ามเนื้อ: โดยเฉพาะหลังจากการวิ่งลงเขายาวๆ ป้องกันด้วยการฝึกวิ่งลงเขา
- แผลถลอก/รอยขีดข่วน: จากการล้มหรือการสัมผัสกับกิ่งไม้ ป้องกันด้วยการสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม
- การฟกช้ำของเล็บเท้า: เกิดจากการกระแทกของนิ้วเท้ากับด้านหน้าของรองเท้าขณะวิ่งลงเขา
- ภาวะขาดน้ำ/แร่ธาตุ: พกน้ำและอาหารที่เพียงพอ วางแผนจุดเติมน้ำหากเป็นการวิ่งระยะยาว
2. อันตรายจากธรรมชาติ
- สภาพอากาศ: เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเฉพาะบนภูเขา
- สัตว์ป่า: เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าในพื้นที่และวิธีปฏิบัติเมื่อพบเจอ
- พืชพิษ: รู้จักพืชที่อาจก่อให้เกิดผื่นแพ้หรือปฏิกิริยาทางผิวหนัง
- การหลงทาง: พกแผนที่ เข็มทิศ หรืออุปกรณ์ GPS เสมอ และบอกใครสักคนเกี่ยวกับเส้นทางและเวลาที่คาดว่าจะกลับ
3. กฎมารยาทบนเทรล (Trail Etiquette)
- สิทธิในการสัญจร: นักวิ่งที่กำลังขึ้นเขามักมีสิทธิในการสัญจรเหนือผู้ที่กำลังลงเขา
- การแซง: แจ้งให้ทราบอย่างสุภาพเมื่อต้องการแซง "ขอทางด้านซ้าย/ขวา"
- การแบ่งปันเส้นทาง: อาจต้องใช้เส้นทางร่วมกับนักปั่นจักรยานเสือภูเขา นักเดินป่า หรือนักขี่ม้า
- ไม่ทิ้งขยะ: พกสิ่งที่นำเข้าไปกลับออกมาด้วยเสมอ รวมถึงเปลือกผลไม้และกระดาษชำระ
- อยู่บนเส้นทาง: หลีกเลี่ยงการเดินลัดทุ่งเพื่อป้องกันการพังทลายของดินและการทำลายพืชพรรณ
เส้นทาง Trail Running ยอดนิยมในไทยมีที่ไหนบ้าง?
1. ดอยสุเทพ-ปุย เชียงใหม่

เส้นทางวิ่งเทรลในเขตอุทยานแห่งชาติที่มีวิวภูเขา ป่า และหมู่บ้านชาวเขา เหมาะกับนักวิ่งที่อยากสัมผัสธรรมชาติใกล้เมืองเชียงใหม่
- ระยะทาง: 24 กิโลเมตร (รุ่น SUTHEP 20)
- ระดับความยาก: กลาง-สูง (ความชันสะสม ~1,190 ม.)
- จุดเด่น: วิวเมืองเชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ และป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์
2. เขาใหญ่ นครราชสีมา

ป่าเขาและธรรมชาติบริสุทธิ์ เป็นพื้นที่วิ่งเทรลที่มีหลายระยะ เหมาะทั้งผู้เริ่มและนักวิ่งที่ต้องการสนามไกล
- ระยะทาง: 24.7 กิโลเมตร (Khaoyai X Trail 2024 รุ่น 20K)
- ระดับความยาก: กลาง (ความชันสะสม ~510 ม.)
- จุดเด่น: สัตว์ป่า ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ น้ำตก และสภาพอากาศที่เย็นสบาย
3. เขาค้อ เพชรบูรณ์

เส้นทางเทรลภูเขา ทะเลหมอก กังหันลมและวิวเปิดกว้าง มีหลายระยะให้เลือก เหมาะทั้งมือใหม่และสายแข่ง
- ระยะทาง: 5 - 50 กิโลเมตร (การแข่งขัน)
- ระดับความยาก: กลาง-สูง
- จุดเด่น: ทะเลหมอก กังหันลม อากาศเย็นสบายตลอดปี
4. เส้นทางภูกระดึง เลย

ภูเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางชันและวิวผาหล่มสัก เหมาะสำหรับผู้ที่อยากท้าทายตัวเองทั้งการขึ้น-และลงเขา
- ระยะทาง: ~9 กิโลเมตร (เส้นทางขึ้นยอด)
- ระดับความยาก: สูง/ท้าทาย (ชันมากในบางช่วง)
- จุดเด่น: ผาหล่มสัก ผาหมากดูก น้ำตกเพ็ญพบ และระบบนิเวศบนยอดเขาที่เป็นเอกลักษณ์
5. ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่

เส้นทางวิ่งเทรลบนยอดเขาที่สูงที่สุดในไทย ผ่านโซนป่าเขาแบบหลากหลาย มีทั้งภูมิประเทศและระดับความสูงที่ท้าทาย
- ระยะทาง: 39 กิโลเมตร (INTHANON 50)
- ระดับความยาก: สูงมาก (ความชันสะสม ~2,200 ม.)
- จุดเด่น: พรมแดงหรือทุ่งดอกกุหลาบพันปี น้ำตกวชิรธาร และอากาศหนาวเย็น
6. สวนป่าบางกระเจ้า กรุงเทพฯ

พื้นที่สีเขียว "ปอดเมือง" ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เหมาะสำหรับสายวิ่งหรือวิ่งเทรลเบาๆ
- ระยะทาง: ประมาณ 10–12 กิโลเมตร (10.9 กม. เป็นตัวอย่าง)
- ระดับความยาก: เบา – กลาง (ระดับความชันน้อย)
- จุดเด่น: ทางเดินยกระดับไม้ บรรยากาศร่มรื่น เข้าถึงง่ายจากกรุงเทพฯ
7. เขาหินซ้อน ระยอง

เส้นทางธรรมชาติในป่าเขาหินซ้อน เหมาะกับการวิ่งเทรลเบาๆ หรือเริ่มต้น แต่ก็มีจุดชันเล็กน้อย
- ระยะทาง: 3 กิโลเมตร (หนึ่งรุ่น)
- ระดับความยาก: เบา–กลาง
- จุดเด่น: ลำธาร น้ำตก และกลุ่มหินธรรมชาติที่สวยงาม
8. น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น กาญจนบุรี

เส้นทางวิ่ง/เดินป่าในเขตอนุรักษ์ที่มีบันไดธรรมชาติ ลำธารใส และวิวธรรมชาติแบบเขาหินปูน เหมาะกับผู้ที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง
- ระยะทาง: ประมาณ 2 – 2.3 กิโลเมตร (ระหว่างชั้น 1 ถึง 7)
- ระดับความยาก: เบา – กลาง (แต่บางช่วงอาจชัน)
- จุดเด่น: น้ำตกเจ็ดชั้น น้ำใสสีฟ้ามรกต และเส้นทางเดินที่สวยงาม
การแข่งขัน Trail Running ในไทยมีอะไรบ้าง?
1. HOKA Chiang Mai Thailand by UTMB® 2025 เชียงใหม่
งานเทรลระดับ World Series ที่จัดในสภาพภูเขา ดอยอินทนนท์ และเชียงดาว มีหลายรุ่นให้เลือกระยะทาง
- เว็บไซต์: https://chiangmai.utmb.world
- จุดเด่น: รายการแข่งขันระดับโลก ได้รับการรับรองจาก UTMB® World Series
2. Amazean Jungle Thailand by UTMB® 2026 ยะลา (เบตง)
งานวิ่งเทรลสุดท้าทายในดงป่าเขตชายแดนไทย-มาเลเซีย เส้นทางในธรรมชาติแท้ๆ
- เว็บไซต์: https://amazean.utmb.world
- จุดเด่น: เส้นทางป่าดิบชื้นที่สวยงามและท้าทายมาก อากาศร้อนชื้น
3. POCARI SWEAT Trail Thailand 2025 เชียงใหม่
งานวิ่งเทรลที่รวมผู้วิ่งทั้งมือใหม่และสายกลางในบรรยากาศที่เป็นมิตรของธรรมชาติ
- เว็บไซต์: https://www.runlah.com/th/s4mTsv4r
- จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น บรรยากาศเป็นกันเอง มีระยะทางให้เลือกตามความพร้อม
4. The 12th THANYAPURA Trail Run 2025 ภูเก็ต
งานวิ่งเทรลที่จัดบนเกาะภูเก็ต เส้นทางมีวิวทะเลและเขา เหมาะกับการพักผ่อนและท้าทายไปพร้อมกัน
- เว็บไซต์: https://www.runlah.com/en/ttr25
- จุดเด่น: วิวทะเล ภูเขา และเป็นโอกาสดีสำหรับการท่องเที่ยวด้วย
5. Khao Eto Camp Trail 2026 ปราจีนบุรี
งานวิ่งเทรลในเขตอนุรักษ์ป่าเขา "Khao Eto Waterfall Recreational Forest" เหมาะสำหรับสายท้าทายแต่ไม่ไกลจากเมือง
- เว็บไซต์: https://www.runlah.com/th/keto2026
- จุดเด่น: น้ำตกที่สวยงาม เส้นทางท้าทาย ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
6. Koh Larn Trail 2026 ชลบุรี (เกาะล้าน)
งานวิ่งเทรลบนเกาะน้ำทะเลใส บรรยากาศธรรมชาติ ซีฟู้ด และความแอดเวนเจอร์ เหมาะกับมือใหม่และกลุ่มเพื่อน
- เว็บไซต์: https://www.runlah.com/en/klt2026
- จุดเด่น: บรรยากาศเกาะ ทะเล เหมาะสำหรับมือใหม่และมาพร้อมกลุ่มเพื่อน

การวิ่งเทรลอาจไม่ใช่กิจกรรมที่ง่ายที่สุด แต่นั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้มันพิเศษ มันท้าทายคุณทั้งร่างกายและจิตใจ มอบมุมมองใหม่ของโลกที่คุณอาจไม่เคยเห็น และสร้างความเชื่อมโยงกับธรรมชาติที่เรามักลืมไปในชีวิตประจำวันอันวุ่นวาย
ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน ป่าเขาที่เขียวขจีของดอยสุเทพ ทะเลหมอกบนเขาค้อ หรือแม้แต่พื้นที่สีเขียวใกล้บ้านอย่างบางกระเจ้า สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมาคือความแข็งแกร่งของร่างกาย ความสงบของจิตใจ และความภาคภูมิใจที่ได้ก้าวออกนอกกรอบความสบาย
ดังนั้น ลองเปิดใจ สวมรองเท้าคู่ที่ใช่ แล้วปล่อยให้เส้นทางพาคุณไปสู่การค้นพบตัวเองในแบบที่คุณอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะบางครั้ง เส้นทางที่ท้าทายที่สุด กลับเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ความสุขที่แท้จริง
Reference:
- https://www.rev.co.th/blogs/news/blogrp-ทำความรู้จักก่อนลงวิ่งเทรล
- https://www.thepuffinhouse.com/blog/วิ่งเทรล-คือวิ่งแบบไหน-และหนักมากไหมสำหรับมือใหม่/227
- https://wirtual.co/th/blog/why-everyone-run-to-trail
- https://www.muangthai.co.th/th/article/health/trail-running-guide-for-beginners
- https://gettgo.com/blog/what-is-trail-running
- https://www.ktc.co.th/en/article/lifestyle/sport/what-is-trail-running
- https://www.fitmesport.com/what-to-know-about-trail-running/


