Loading...
Ajinomoto Thailand

เจาะลึก 3 หน้าที่สำคัญของศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) จุดกำเนิดแนวคิด ‘กินดีมีสุขทั้งคนและโลก’

06/03/2024


 

เป็นเวลากว่าศตวรรษที่กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะมุ่งมั่นศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ กรดอะมิโน (Amino Acid) เรื่อยมา เพื่อพัฒนา ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) ให้ผู้คนทั่วโลกกว่า 1 พันล้านคนได้เพลิดเพลินกับอาหารอร่อยที่มาพร้อมคุณค่าทางโภชนาการในสังคมสุขภาพดี และเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 50% จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ที่อายิโนะโมะโต๊ะยึดถือมาโดยตลอด 

การจะเข้าถึงแก่นแท้ของ ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) ที่มีส่วนช่วยในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน ชุมชน และโลกได้นั้น ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของศาสตร์นี้ที่มีทั้งหมด 3 ประการ ได้แก่ การส่งเสริมการทำงานของรสชาติ การส่งเสริมการทำงานด้านโภชนาการ และบทบาทในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อทุกหน้าที่ของศาสตร์แห่งกรดอะมิโนทำงานสอดประสานกัน จึงเกิดเป็นมิติของการ “กินดีมีสุขทั้งคนและโลก” นั่นเอง
กรดอะมิโน (AminoScience)
 

1.หน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานของรสชาติ 

นับตั้งแต่ ศ.ดร.คิคุนาเอะ อิเคดะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ค้นพบเคล็ดลับความอร่อยในรสรสกลมกล่อมของน้ำซุปสาหร่ายทะเลคมบุเมื่อ พ.ศ. 2451 ว่าเกิดจาก “กลูตาเมต” กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากในสาหร่ายทะเลคมบุ ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการพัฒนาศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ก็ว่าได้  

ทั้งนี้ กรดอะมิโนแต่ละชนิดมีรสชาติเฉพาะตัว โดยเฉพาะ “กลูตาเมต” ที่เป็นต้นกำเนิดรสอร่อยกลมกล่อมอย่างอูมามิ หรือรสชาติพื้นฐานลำดับที่ห้า ที่ช่วยเสริมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และขมของอาหารให้อร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น  

รสอูมามิ หรือรสอร่อยกลมกล่อม เป็นหัวใจสำคัญที่อายิโนะโมะโต๊ะให้ความสำคัญมานานตลอดระยะเวลากว่าศตวรรษ เพราะการได้รับประทานอาหารรสชาติอร่อยถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการปรุงอาหาร ไปจนถึงการลิ้มรสชาติอาหารในแต่ละคำ 

อายิโนะโมะโต๊ะจึงมุ่งมั่นในการนำความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของอายิโนะโมะโต๊ะให้มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมและเข้ากับรสชาติอาหารในแต่ละท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารอย่างมีความสุข

หน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานด้านโภชนาการ
 

2.หน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานด้านโภชนาการ 

ไม่เฉพาะรสอร่อยกลมกล่อมเท่านั้นที่อายิโนะโมะโต๊ะใส่ใจ คุณค่าทางโภชนาการเป็นหนึ่งในความสำคัญที่ทุกผลิตภัณฑ์ของอายิโนะโมะโต๊ะต้องมี เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้รับคุณค่าทางโภชนาการไปพร้อม ๆ กับการบริโภคอาหารที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ที่ช่วยชูรสชาติกลมกล่อมให้อาหารทุกเมนู ผู้บริโภคจึงสามารถเลี่ยงการเติมน้ำตาล เกลือ หรือเครื่องปรุงต่างๆ มากเกินความจำเป็น เพียงเปลี่ยนมาเติมผงชูรสปริมาณเล็กน้อยขณะปรุงอาหาร ก็ช่วยให้อร่อยกับมื้ออาหารได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการบริโภคโซเดียมมากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย 

ด้วยเหตุนี้ อายิโนะโมะโต๊ะจึงไม่หยุดคิดค้นพัฒนาศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) ให้มีความก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะจากการค้นคว้าวิจัยมานานกว่า 100 ปี กรดอะมิโนก็ยังอุดมไปด้วยประโยชน์นานัปการที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเครืออายิโนะโมะโต๊ะให้ตอบโจทย์ทั้งด้านความอร่อยและโภชนาการที่ดีที่ส่งเสริมสุขภาพแก่ผู้คนทั่วโลกต่อไปในอนาคต

บทบาทของศาสตร์แห่งกรดอะมิโนต่อสิ่งแวดล้อม
 

3.บทบาทของศาสตร์แห่งกรดอะมิโนต่อสิ่งแวดล้อม  

อายิโนะโมะโต๊ะเชื่อมั่นในการผสานคุณค่าทางสังคม (Social Value) และคุณค่าทางเศรษฐกิจ (Economic Value) เข้าด้วยกัน จึงดำเนินธุรกิจด้วยแนวทาง “อายิโนะโมะโต๊ะสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม” (The Ajinomoto Group Creating Shared Value หรือ ASV) มาโดยตลอด 

ในการดำเนินกิจกรรม ASV นั้น กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะได้ทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาสังคมใน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การสร้างสังคมสุขภาพดี ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างความยั่งยืนแก่โลก  

ตัวอย่างการนำศาสตร์แก่งกรดอะมิโนมาใช้ในการดูแลสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ควบคู่กับการให้ความรู้ในการปรับปรุงดินและพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โรคระบาดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมันสำปะหลัง รวมถึงการสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาด ทนทาน และปราศจากโรค ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะยังมุ่งดำเนินงานด้านลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต ด้วยการนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืนสู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำให้กับพืช และใช้ผสมในอาหารสัตว์ การนำขี้เถ้าแกลบที่เป็นของเหลือจากโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมจากชีวมวลไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดิน ฯลฯ 

กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะมีความเชื่อมั่นว่าทุกโครงการและกิจกรรมภายใต้ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย และการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทย อันจะนำไปสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนภายในปี 2573 ได้สำเร็จ